สักการระ เจ้าแม่ทับทิม วัดเจ้าแม่ทับทิม สะพานเหลือง

สักการระ เจ้าแม่ทับทิม วัดเจ้าแม่ทับทิม สะพานเหลือง
สักการระ เจ้าแม่ทับทิม วัดเจ้าแม่ทับทิม สะพานเหลือง

วัดเจ้าแม่ทับทิม สะพานเหลืองแห่งนี้ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ชาวไทยเชื้อสายจีน ต่างให้ความเคารพเนื่องความเป็นมาของเจ้าแม่ทับทิมนั้นเอง ตามความเชื่อว่าหลังจการมากราบไหว้จะได้รับลูกตามที่ขอ คนที่ต้องการมีลูกหลาย ๆ คนจึงนิยมเดินทางมาที่นี่ หรือจะเป็นขอพรเรื่องหน้าที่การงาน กิจการรุ่งเรืองก็ต่างได้รับพรที่ดีกลับไปทั้งสิ้น ดังนั้น เว็บหวยสดจึงขอพารู้จักความเป็นมาของเจ้าแม่ทับทิมเพื่อเตริมตัวก่อนไปไหว้เจ้าแม่นั่นเอง

ที่มาของวัดเจ้าแม่ทับทิม

สักการระ เจ้าแม่ทับทิม วัดเจ้าแม่ทับทิม สะพานเหลือง

ความเป็นาของเจ้าแม่ทับทิม สะพานเหลือง เป็นอีกสถานที่เก่าแก่แห่งหนึ่ง ของกรุงเทพมหานคร ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ ไม่ใช่แค่เพียงในช่วงของเทศกาล ตรุษจีน ที่จะมีผู้มีจิตศรัทธา เดินทางจากทั่วสารทิศ จากหลายจังหวัดเข้ามาเพื่อกราบสักการะแบบไม่มีขาดสาย

องค์เจ้าแม่ทับทิม ที่ตั้งอยู่ในศาลเจ้าแม่ทับทิม สะพานเหลือง แห่งนี้มีอายุเก่าแก่ ตั้งแต่ในยุคสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นช่วงเวลาที่ชาวจีนโพ้นทะเล ได้อพยพเข้ามา เพื่อพึ่งพระบรมโพธิสมภาร และเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก

ประวัติของศาสเจ้าแม่ทับทิม สะพานเหลือง ตามประวัติที่สามารถสืบค้นได้ พบว่า ครอบครัวของนาย จู๋ แซ่ตั้ง ได้มีการอพยพมาจากอำเภอเก๊กเอี๊ย เมืองแต้จิ๋ว กวางตุ้ง มายังประเทศไทย ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยที่พี่ชายของนายจู๋ ได้เข้ามายังประเทศไทยก่อน ทานรับจ้างทั่วไป อาศัยอยู่บร้เวณริมคลองบางรัก วันหนึ่ง พี่ชายนายจู๋ได้เดินเลียบคลอง เพื่อออกไปทำงาน ได้มีการสังเกตเห็นว่า ในคลองมีวัตถุบางอย่างได้มีการลอยทวนน้ำมาหยุดอยู่ที่จุดที่มีน้ำวน แต่ในตอนนั้นก็ไม่ได้สนใจ เพราะเนื่องจากคิดว่าเป็นเพียงวัตถุที่ลอยน้ำมาทั่วไป

หลังจากนั้นผ่านไปหลายวัน วัตถุอันนั้นยังคงลอยอยู่ในบริเวณเดิมไม่ไปไหน พี่ชายนายจู๋จึงเกิดความสงสัย และได้ลงไปเก็บวัตถุดังกล่าวขึ้นมาจากน้ำ ทำให้พบว่าเป็น องค์เจ้าแม่ทับทิม ที่เกิดจากการแกะสลักด้วยไม้ ถูกอัญเชิญขึ้นมารักษษไว้ที่บ้าน แต่ก็ไม่ได้ทำการอะไรต่อไป เพราะเนื่องจากยังมีหน้าที่ที่ต้องทำมาหาเลี้ยงชีพคนในครอบครัว หลังจากนายจู๋ แซ่ตั้ง ได้อพยพตามพี่ชายมาขึ้นฝั่งที่ท่าน้ำรางวงศ์ เยาวราช ในเวลานั้นก็มีชาวจีนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น ทำให้พื้นที่ก็ไม่เหมาะกับการเลี้ยงเป็ดตามอาชีพเดิมที่ทำในเมืองจีน

การก่อตั้ง วัดเจ้าแม่ทับทิม

สักการระ เจ้าแม่ทับทิม วัดเจ้าแม่ทับทิม สะพานเหลือง

นายจู๋ แซ่ตั้ง จึงได้ทำการมองหา สถานที่ใหม่ ๆ ในละแวกนั้น ทำให้พบว่า ย่านสะพานเหลือง ในอำเภอปทุมวัน ซึ่งในตอนนั้น พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่เป็นป่าเป็นทุ่งอยู่ ทำให้กลายเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การเลี้ยงเป็ด นายจู๋ จึงได้ลงหลักปักฐานอยู่ที่ละแวกสะพานเหลือง อาชีพของนายจู๋ คือการเลี้ยงเป็ด เพื่อส่งขายให้กับตลาดในเยาวราช และตลาดทั่วไป ต่อมากิจการดีขึ้นเป็นลำดับ ทำให้กลายเป็นที่รู้จักของพ่อค้าชาวจีนในเยาราช และย่านใกล้เคียงอย่างกว้างขว้าง

ต่อมาพี่ชายของนายจู๋นั้นเห็นว่ากิจการเลี้ยงเป็ดของน้องชายกำลังเจริญเติบได้ดี และเห็นว่าน้องชายของตนนั้น พอจะมีหนทาง จึงได้มอบ องค์เจ้าแม่ทับทับ มามอบให้ หลังจากนายจู๋ได้รับ เห็นว่าควรจัดสถานที่บูชาให้เหมาะสม จึงทำการศาลเจ้าเล็ก ๆ ให้เจ้าแม่ทับทิมประทับ และบูชามาตั้งแต่นั้น เมื่อชาวบ้านในละแวกนั้นทราบเรื่อง จึงได้มากราบไหว้สักการะ หลังจากประสบความสำเร็จตามที่บบานไว้ ทำให้เกิดความศรัทธา เป็นที่เลื่องลือออกไป ชาวบ้านในย่านปทุมวันกับนายจู่ได้สร้างศาลเจ้าใหญ่ แบบถาวรนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ต่อมาแถวนั้นเกิดเพลิงไหม้ลือกันว่าเป็นการเผาไล่ที่ บ้านเรื่อนที่ขนาบข้างกับ ศาลเจ้าแม่กวนอิม ถูกเผาในกองเพลิง แต่ก็เป็นที่แปลกใจที่ศาลเจ้าแม่ทับทิมอยู่รอดไม่ไหม้ไปด้วย ต่อมาได้มีการเจรจเพื่อขอพื้นที่สร้างศาลเจ้าแม่กับทางจุฬาฯ จึงได้สร้างศษลใหม่ให้เจ้าแม่ทับทิม แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2513 ดังเช่นศาลที่ได้เห็นในปัจจุบัน

พรที่นิยมขอเจ้าแม่ทับทิม

  1. อันดับแรก็คือ การขอพรให้มีลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อยากได้ลูกสาว จะสมหวังได้กลับไปทุกราย
  2. เรื่องต่อมา หน้าที่การงาน ขอให้ประสบความเสร็จในหน้าที่การงาน
  3. เรื่องที่สามคือ สุขภาพ ขอให้โรคที่เป็นอยู่หายหรือดีขึ้น

ของที่ใช้ไหว้เจ้าแม่ทับทิม

สักการระ เจ้าแม่ทับทิม วัดเจ้าแม่ทับทิม สะพานเหลือง

สิ่งที่นิยมนำมาไหว้เจ้าแม่ทับทิมนั่นก็คือ ผลไม้ 5 อย่างซึ่งสิ่งที่ต้องมีใน 5 อย่างนั่นก็คือส้ม เพราะมาจากคำว่า ไตกิก พ้องเสียงกับคำว่า สิริมงคล และสิ่งที่ห้ามนำมาไหว้ก็คือเนื้อวัว

สำหรับคนที่มาสักการะเจ้าแม่ทับทิม เจ้าแม่ทับทิม สะเพานเหลืองแล้วนั้น ควรเลือกเตรียมผลไม้ หรือสิ่งกราบไหว้มาเองด้วยก็จะยิ่งดี เพราะเป็นผลไม้ที่เราตั้งใจเลือก รวมถึงสามารถมั่นใจได้ว่าของที่นำมาไหว้จะไม่เป็นของต้องห้ามที่ห้ามนำมาใช้ไหว้ หากท่านที่เดินทางมาขอพร และได้รับสิ่งที่ขอกลับ และอย่างลืมที่จะแนะนำมาให้ทานซ้ำอีกครั้ง เพื่อเป็นการขอบคุณเจ้าแม่ทับทิมนั่นเอง

Facebook
Twitter
LinkedIn
Pinterest